มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ  

1. เพื่อระงับกรณีพิพาทระหว่างประเทศคู่กรณีด้วยสันติวิธี                    
2. เป็นเวทีกลางในการเจรจาเพื่อนำมาซึ่งสันติภาพอย่างถาวร
3. เป็นศูนย์กลางความร่วมมือช่วยเหลือระหว่างประเทศในทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม   

ตราสัญลักษณ์ขององค์การสหประชาชาติ
มีภาพแผนที่โลก ซึ่งมองจากขั้วโลกเหนือล้อมรอบด้วยช่อมะกอก เพื่อสื่อถึงเสรีภาพ มิตรภาพ และสันติภาพ 

องค์การสหประชาชาติ ประกอบด้วย 5 หน่วยงานหลัก คือ

1. สมัชชาใหญ่ (General Assembly (UNGA)) 
จัดการประชุมเพื่อเจรจาถกปัญหาต่างๆ ประกอบด้วยสมาชิกของสหประชาชาติทั้งหมด แต่ละสมาชิกมีสิทธิ์ออกเสียง 1 เสียง สำนักงานใหญ่อยู่ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

2. คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคม (Economic and Social Council  (ECOSOC)) 
มีหน้าที่ศึกษาและรายงานด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมระหว่างประเทศ

3. ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice (ICJ )) 
หรือ ศาลโลก สำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ประกอบด้วยผู้พิพากษาจำนวน 15 คน แต่งตั้งโดยสมัชชาใหญ่ อยู่ในตำแหน่งวาระ 9 ปี มีหน้าที่พิจารณาตัดสินข้อพิพาทระหว่าง 2 ประเทศขึ้นไป และให้ความเห็นในประเด็นทางกฎหมายระหว่างประเทศ

4. คณะมนตรีความมั่นคง (Security Council ( UNSC)) 
ประกอบด้วยสมาชิกถาวร 5 ประเทศ คือ จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และสมาชิกไม่ถาวรซึ่งมาจากการเลือกตั้งอีก 10 ประเทศ มีหน้าที่ระงับกรณีพิพาท รักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ สอบสวนกรณีพิพาทหรือสาเหตุอันอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างกันได้ และหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางด้านสันติภาพของโลก   

5. สำนักงานเลขาธิการ (Secretariat) 
มีเลขาธิการสหประชาชาติเป็นหัวหน้าคณะผู้บริหาร อยู่ในตำแหน่ง วาระ 5 ปี ได้รับการแต่งตั้งโดยที่ประชุมสมัชชาใหญ่ หน้าที่ คือ สนับสนุนและอำนวยความสะดวกการทำงานของหน่วยงานหลักอื่นๆ โดยการประสานงานระหว่างองค์กรต่างๆ ในองค์การสหประชาชาติ และปฏิบัติหน้าที่ตามกฎบัตรสหประชาชาติ

ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติลำดับที่ 55 (สมาชิกผู้ก่อตั้งมี 51 ประเทศ) เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2489  โดยมีสำนักงานผู้ประสานงานองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ อาคารสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพมหานคร